วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ประชาธิปไตย
ประเทศเรานี้ยังไม่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ เห็นข่าวมากมายเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มชนหลากหลาย และตอนนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถยุติเรื่องเหล่านี้ลงได้ ปัญหาที่สำคัญของความขัดแย้งจากความคิดเห็นของตนเองคิดว่าเป็นเพราะ ประเทศเรายังไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ไม่มีใครยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ความเท่าเทียมกันของสังคม และสิทธิเสรีภาพเริ่มเลือนลางลงทุกที
วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เขมรเอาจริงบอยคอตสินค้าไทย...มาม่ารายแรก
ปราสาทเขาพระวิหาร ไทย + เขมรตึงเครียด มาม่ารับไปเต็มๆรายแรก
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาม่า (Mama) ของไทย ซึ่งเป็นยี่ห้อยอดนิยมของชาวกัมพูชาได้กลายเป็นเหยื่อรายแรกของการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างสองประเทศกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่ยี่ห้อนี้ ได้ยุติการผลิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางกระแสชาตินิยมบอยคอตสินค้าไทยของเขมร การรณรงค์ต่อต้านสินค้าไทยเริ่มเห็นผล ยอดขายบะหมี่ยอดนิยมตกลงเห็นได้ชัด ชาวกัมพูชาได้หันไปหาทางเลือกที่ไม่ค่อยเต็มใจมากนัก คือ บะหมี่จากจีนและเวียดนาม ขณะที่ "หมี่ยืง" (Mee Yeung) หรือ “บะหมี่เรา” ที่ผลิตในกัมพูชาก็ขาดตลาด เสียงเรียกร้องให้คนเขมรทั้งประเทศไม่ซื้อสินค้าไทยที่ดังกระหึ่มทั่วราชประเทศในช่วงนี้สัปดาห์ได้ทำให้บริษัท แมนสะรุน (Men Sarun Co) ซึ่งจำหน่ายบะหมี่มาม่าของไทย หยุดการผลิตลงชั่วคราว โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัทหวังว่า หลังเลือกตั้งวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) นี้ บรรยากาศคงจะดีขึ้น และจะได้เริ่มการผลิตอีก นิตยสารข่าวภาษาฝรั่งเศส “กัมโบดจ์ซวาร์” (Cambodge Soir) ในกรุงพนมเปญรายงานเรื่องนี้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่า บริษัทดังกล่าว “ผลิต” บะหมี่ของไทยอย่างไร? สัปดาห์นี้ได้มีมือมืดส่งข้อความสั้นเข้าโทรศัพท์มือถือนับหมื่นๆ เครื่อง มีการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชาและเกาะสันติภาพ เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาต่อต้านสินค้าทุกชนิดที่เป็นยี่ห้อจากประเทศไทย
“เราไม่อาจจะให้ประเทศไทยดูหมิ่นเหยียดหยามชาวกัมพูชาต่อไปได้ ถ้าหากคุณเป็นคนเขมรและมีเลือดเขมร ให้ส่งต่อข้อความนี้ไปยังเพื่อนมิตรของชาวกัมพูชาในทั่วโลก” ข้อความดังกล่าวถูกส่งเข้าโทรศัพท์มือถือทั่วประเทศในช่วง 2-3 วันมานี้ พร้อมกับคำชักชวนให้ชาวกัมพูชาเลิกใช้สินค้าที่ติดภาษาไทยบนซองหรือหีบห่อทุกชนิด วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ภาษาเขมรทั้งสองฉบับซึ่งมีบทความรายงานและคอลัมน์ต่อต้าน “การรุกรานของไทย” อยู่แล้ว ยังได้ลงโฆษณาจากบุคคลลึกลับเรียกร้องให้ทั่วทั้งประเทศเลิกนำเข้า เลิกซื้อและเลิกจำหน่ายสินค้าและบริการจากประเทศไทย ข้อความโฆษณาดังกล่าวได้วาดรูปราสาทพระวิหารกับธงชาติกัมพูชากำกับไว้ พร้อมคำขวัญ “รวมกันชาวเขมรรอด แตกแยกกันชาวเขมรตาย” กัมโบดจ์ซวาร์ กล่าว แม่ค้าแม่ขายจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง นางนี วัย 27 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของชำในตลาดโอลิมปิก กรุงพนมเปญ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เคยขายบะหมี่มาม่าได้วันละ 200 ซอง ตอนนี้ลดลงเหลือราว 60 ซองต่อวัน “ยอดขายมาม่าค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ตอนนี้คนหันมาซื้อหมี่ยืงที่ผลิตในกัมพูชาแทน แต่ก็มีอยู่ในร้านไม่พอ” นางนี กล่าว “ผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปมากจริงๆ หลายคนหันไปซื้อบะหมี่เวียดนามเลยทีเดียว.. แต่หลายคนก็ลังเลเพราะว่าคุณภาพไม่ดี” นางนี กล่าวเพิ่มเติม นายขุน (Khun) เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดวัย 36 ปี ของบริษัท แมนสะรุน กล่าวว่า บริษัทเลิกผลิตมาม่ามาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่อาจจะเริ่มผลิตอีกครั้งหลังเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าอะไรๆ ก็อาจจะดีขึ้น เมื่อถูกถามสาเหตุที่หมี่ยืงขายดีจนขาดตลาด นายขุนกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเข้าใจได้ “เพราะใครๆ ก็หาซื้อเพื่อนำไปบริจาคให้ทหารกับประชาชนที่เขาพระวิหาร ทุกคนอยากจะแสดงความรักชาติ พวกเขาก็เลยหาซื้อยี่ห้อของเขมร” อย่างไรก็ตาม นางฮง (Hong) แม่ค้าวัย 30 ปี เจ้าของร้านค้าใกล้ๆ ตลาดโอลิมปิก กล่าวอย่างสงสัยว่า ชาวเขมรด้วยกันเองจะต่อต้านบะหมี่ของไทยได้นานแค่ไหน เพราะว่าคนที่รับประทานบะหมี่ไทยแล้วก็จะไม่หันไปกินบะหมี่จีนหรือบะหมี่เวียดนามอย่างแน่นอน “ถึงแม้รัฐบาลจะร่วมต่อต้านอย่างเป็นทางการ ผู้บริโภคก็จะยังถามหาสินค้าไทยต่อไป และแม่ค้าก็คงจะหามาขายให้จนได้เช่นเดียวกัน” นางฮง กล่าว
จากPostในเว็บวันพฤหัสบดี ที่ 24 กรกฎาคม 2551
http://www.oknation.net/blog/uthai/2008/07/24/entry-3
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาม่า (Mama) ของไทย ซึ่งเป็นยี่ห้อยอดนิยมของชาวกัมพูชาได้กลายเป็นเหยื่อรายแรกของการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างสองประเทศกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่ยี่ห้อนี้ ได้ยุติการผลิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางกระแสชาตินิยมบอยคอตสินค้าไทยของเขมร การรณรงค์ต่อต้านสินค้าไทยเริ่มเห็นผล ยอดขายบะหมี่ยอดนิยมตกลงเห็นได้ชัด ชาวกัมพูชาได้หันไปหาทางเลือกที่ไม่ค่อยเต็มใจมากนัก คือ บะหมี่จากจีนและเวียดนาม ขณะที่ "หมี่ยืง" (Mee Yeung) หรือ “บะหมี่เรา” ที่ผลิตในกัมพูชาก็ขาดตลาด เสียงเรียกร้องให้คนเขมรทั้งประเทศไม่ซื้อสินค้าไทยที่ดังกระหึ่มทั่วราชประเทศในช่วงนี้สัปดาห์ได้ทำให้บริษัท แมนสะรุน (Men Sarun Co) ซึ่งจำหน่ายบะหมี่มาม่าของไทย หยุดการผลิตลงชั่วคราว โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัทหวังว่า หลังเลือกตั้งวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) นี้ บรรยากาศคงจะดีขึ้น และจะได้เริ่มการผลิตอีก นิตยสารข่าวภาษาฝรั่งเศส “กัมโบดจ์ซวาร์” (Cambodge Soir) ในกรุงพนมเปญรายงานเรื่องนี้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่า บริษัทดังกล่าว “ผลิต” บะหมี่ของไทยอย่างไร? สัปดาห์นี้ได้มีมือมืดส่งข้อความสั้นเข้าโทรศัพท์มือถือนับหมื่นๆ เครื่อง มีการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชาและเกาะสันติภาพ เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาต่อต้านสินค้าทุกชนิดที่เป็นยี่ห้อจากประเทศไทย
“เราไม่อาจจะให้ประเทศไทยดูหมิ่นเหยียดหยามชาวกัมพูชาต่อไปได้ ถ้าหากคุณเป็นคนเขมรและมีเลือดเขมร ให้ส่งต่อข้อความนี้ไปยังเพื่อนมิตรของชาวกัมพูชาในทั่วโลก” ข้อความดังกล่าวถูกส่งเข้าโทรศัพท์มือถือทั่วประเทศในช่วง 2-3 วันมานี้ พร้อมกับคำชักชวนให้ชาวกัมพูชาเลิกใช้สินค้าที่ติดภาษาไทยบนซองหรือหีบห่อทุกชนิด วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ภาษาเขมรทั้งสองฉบับซึ่งมีบทความรายงานและคอลัมน์ต่อต้าน “การรุกรานของไทย” อยู่แล้ว ยังได้ลงโฆษณาจากบุคคลลึกลับเรียกร้องให้ทั่วทั้งประเทศเลิกนำเข้า เลิกซื้อและเลิกจำหน่ายสินค้าและบริการจากประเทศไทย ข้อความโฆษณาดังกล่าวได้วาดรูปราสาทพระวิหารกับธงชาติกัมพูชากำกับไว้ พร้อมคำขวัญ “รวมกันชาวเขมรรอด แตกแยกกันชาวเขมรตาย” กัมโบดจ์ซวาร์ กล่าว แม่ค้าแม่ขายจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง นางนี วัย 27 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของชำในตลาดโอลิมปิก กรุงพนมเปญ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เคยขายบะหมี่มาม่าได้วันละ 200 ซอง ตอนนี้ลดลงเหลือราว 60 ซองต่อวัน “ยอดขายมาม่าค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ตอนนี้คนหันมาซื้อหมี่ยืงที่ผลิตในกัมพูชาแทน แต่ก็มีอยู่ในร้านไม่พอ” นางนี กล่าว “ผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปมากจริงๆ หลายคนหันไปซื้อบะหมี่เวียดนามเลยทีเดียว.. แต่หลายคนก็ลังเลเพราะว่าคุณภาพไม่ดี” นางนี กล่าวเพิ่มเติม นายขุน (Khun) เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดวัย 36 ปี ของบริษัท แมนสะรุน กล่าวว่า บริษัทเลิกผลิตมาม่ามาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่อาจจะเริ่มผลิตอีกครั้งหลังเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าอะไรๆ ก็อาจจะดีขึ้น เมื่อถูกถามสาเหตุที่หมี่ยืงขายดีจนขาดตลาด นายขุนกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเข้าใจได้ “เพราะใครๆ ก็หาซื้อเพื่อนำไปบริจาคให้ทหารกับประชาชนที่เขาพระวิหาร ทุกคนอยากจะแสดงความรักชาติ พวกเขาก็เลยหาซื้อยี่ห้อของเขมร” อย่างไรก็ตาม นางฮง (Hong) แม่ค้าวัย 30 ปี เจ้าของร้านค้าใกล้ๆ ตลาดโอลิมปิก กล่าวอย่างสงสัยว่า ชาวเขมรด้วยกันเองจะต่อต้านบะหมี่ของไทยได้นานแค่ไหน เพราะว่าคนที่รับประทานบะหมี่ไทยแล้วก็จะไม่หันไปกินบะหมี่จีนหรือบะหมี่เวียดนามอย่างแน่นอน “ถึงแม้รัฐบาลจะร่วมต่อต้านอย่างเป็นทางการ ผู้บริโภคก็จะยังถามหาสินค้าไทยต่อไป และแม่ค้าก็คงจะหามาขายให้จนได้เช่นเดียวกัน” นางฮง กล่าว
จากPostในเว็บวันพฤหัสบดี ที่ 24 กรกฎาคม 2551
http://www.oknation.net/blog/uthai/2008/07/24/entry-3
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552
คนจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ
ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม "คนจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ" อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คนเหล่านั้นเป็นแบบนั้น (จากหนังฝรั่ง2เรื่อง)ฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อแบบนั้น ฉันจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองพิสูจน์เองหรือจากการพิสูจน์จากนักวิชาการ นักปรัชญา นักดาราศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ และตอบด้วยตนเองได้ว่าจะเชื่อหรือไม่ ฉันไม่เชื่อการเล่าต่อกันมาเป็นทอดๆ เช่น ตำนาน นิทานประรำประรา และอื่นๆ ถ้าคุณเคยเล่นเกมพูดส่งต่อกันจากคน 10 คน คุณจะพบว่าคำพูดของคนแรกต้นทางและคนสุดท้ายปลายทางมันแตกต่างกันมากแค่ไหน คุณก็จะเข้าใจมากขึ้นว่าคุณเชื่ออะไรจากปากต่อปากไม่ได้ ปัจจุบันนี้คนในสังคมเป็นอย่างไร แม้แต่คำสอนทางพระพุทธศาสนาเดี๋ยวนี้จากพระ-เจ้าบางคนยังบิดเบือนจนน่าตกใจ บางทีการรอการพิสูจน์ด้วยตนเอง หรือการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนก็ไม่ทันท่วงที หรือบางทีก็ตอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ จากหนังเรื่องนี้ให้เหตุผลว่า"เป็นสิ่งที่ง่ายกว่าที่คนจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ" แต่ด้วยความไว้ใจจึงทำให้เขาเลือกจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับความสงสัยของฉัน อะไรคือสิ่งที่เราควรเชื่อ และเราควรเชื่ออะไรหล่ะ ใครรู้บ้าง
เรื่องเล็กๆของคนอื่นปะ!!
บังเอิญเมื่อวานไม่มีสิ่งที่สามารถเก็บภาพได้ในเวลานั้น ขอใช้ภาพคนนั่งรอรถเมย์แก้ขัดและกัน
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552
http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://img24.imageshack.us/img24/4582/18953036.png&imgrefurl=http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php%3Ff%3D65%26t%3D49045&usg=__mrFnaBj-3YDPLlgKJBX9OvzS5aU=&h=398&w=550&sz=231&hl=en&start=503&um=1&tbnid=aYKHmMA0bUFCbM:&tbnh=96&tbnw=133&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2596%25E0%25B9%258C%26ndsp%3D18%26hl%3Den%26sa%3DN%26start%3D486%26um%3D1
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yyswim&month=16-04-2009&group=3&gblog=233
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yyswim&month=16-04-2009&group=3&gblog=233
วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ประหลาดใจของฉัน
เคยมีความรู้สึกล่วงหน้าไหมว่าวันนี้ต้องมีเรื่องประหลาดใจบางอย่างจากเพื่อนเก่า สำหรับตนเองนั้นเพื่อนเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าจะประถมหรือมัธยม ก็ยังติดต่อกันไม่ขาดสาย แม้ว่าจะไม่ได้พบเจอกันเหมือนในสมัยเรียน แต่ความรู้สึกดีๆ ก็ยังคงเหมือนเดิมเสมอ ฉันโชคดีที่ยังมีเพื่อนจากร.ร.เก่าติดสอยห้อยตามมาอยู่ที่นี่บ้าง แต่ไม่รู้ทำไมสิ! เกือบทุกครั้งไปที่รู้สึกว่าวันนี้จะได้เจอเพื่อนเก่าที่อยู่ที่นี่ก็มักจะได้เจอเกือบทุกครั้ง มันเป็นเรื่องประหลาดใจที่ทำให้ประทับใจสำหรับฉันมาก ไม่ขอค้านว่ามหาลัยเราเล็กนะ 555
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552
รองเท้าหลุด
ฉันต้องไปทำธุระบางอย่างในสถานที่ค่อนข้างชนบทไม่มีร้านค้า มีแต่ตึกและบ้านพักอาศัย ซึ่งวันนี้ฉันได้ใส่รองเท้าหุ้มส้นไป ปรากฎว่าระยะการเดินทางเท้าของฉันช่างยาวนาน และรองเท้าของฉันก็ไม่ทนทานสักเท่าไรหนัก แต่ก็มาถึงที่หมายที่ต้องการและทำธุระที่ฉันต้องการเรียบร้อย แต่ปัญหาคือตอนกลับออกมาจากสถานที่นั้นๆ แน่นอนว่าต้องเป็นระยะทางเท่าเดิม และรองเท้าของฉันก็ย่ำแย่มากเต็มที สุดท้ายคือรองเท้านั้นขาดและหลุดเป็นชิ้นๆจนแทบจะดูไม่ออกว่าแต่แรกเริ่มนั้นคือรองเท้า และบริเวณนั้นก็ไม่มีร้านค้าที่พอจะให้ฉันสามารถซื้อรองเท้าคู่ใหม่ได้ ฉันจึงต้องจำยอมเดินเท้าเปล่า ออกมา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)