วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คนจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ

ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม "คนจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ" อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คนเหล่านั้นเป็นแบบนั้น (จากหนังฝรั่ง2เรื่อง)ฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อแบบนั้น ฉันจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองพิสูจน์เองหรือจากการพิสูจน์จากนักวิชาการ นักปรัชญา นักดาราศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ และตอบด้วยตนเองได้ว่าจะเชื่อหรือไม่ ฉันไม่เชื่อการเล่าต่อกันมาเป็นทอดๆ เช่น ตำนาน นิทานประรำประรา และอื่นๆ ถ้าคุณเคยเล่นเกมพูดส่งต่อกันจากคน 10 คน คุณจะพบว่าคำพูดของคนแรกต้นทางและคนสุดท้ายปลายทางมันแตกต่างกันมากแค่ไหน คุณก็จะเข้าใจมากขึ้นว่าคุณเชื่ออะไรจากปากต่อปากไม่ได้ ปัจจุบันนี้คนในสังคมเป็นอย่างไร แม้แต่คำสอนทางพระพุทธศาสนาเดี๋ยวนี้จากพระ-เจ้าบางคนยังบิดเบือนจนน่าตกใจ บางทีการรอการพิสูจน์ด้วยตนเอง หรือการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนก็ไม่ทันท่วงที หรือบางทีก็ตอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ จากหนังเรื่องนี้ให้เหตุผลว่า"เป็นสิ่งที่ง่ายกว่าที่คนจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ" แต่ด้วยความไว้ใจจึงทำให้เขาเลือกจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับความสงสัยของฉัน อะไรคือสิ่งที่เราควรเชื่อ และเราควรเชื่ออะไรหล่ะ ใครรู้บ้าง

เรื่องเล็กๆของคนอื่นปะ!!

บังเอิญเมื่อวานไม่มีสิ่งที่สามารถเก็บภาพได้ในเวลานั้น ขอใช้ภาพคนนั่งรอรถเมย์แก้ขัดและกัน

เมื่อวานฉันกลับบ้านช้ากว่าปกติเพราะด้วยเหตุฝนตกหนักมากถึงมากที่สุด ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต น้ำบนถนนเริ่มเจิ่งนอง ท่อระบายน้ำระบายน้ำบนถนนออกไม่ทัน จนเกิดน้ำท่วมขนาดย่อม ฉันนั่งอยู่บนรถและเฝ้ามองสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากที่สุดคือบริเวณป้ายรถเมย์ ทุกป้ายที่รถฉันผ่าน คนที่ยืนรอรถไม่มีใครพ้นสภาพเปียกโชกได้แต่ละคนต้องขึ้นไปยืนอยู่บนเก้าอี้ที่ไว้สำหรับนั่งรอ "บริเวณฟุตบาทตรงป้ายรถเมย์น้ำก็ท่วมไม่ถึงนะทำไมต้องไปยืนบนนั้นกัน"ฉันคิดอยู่ในใจ แต่ปรากฎว่าที่กำบังหรือหลังคาป้ายรถเมย์ไม่สามารถบังฝนได้ต่างหาก ฉันเห็นน้ำฝนไหลเป็นสายรอดผ่านหลังคาตรงบริเวณนั้น(ทำไมเห็นชัดขนาดนั้น ก็ฉันนั่งรถที่ชิดเลนฟุตบาทอะสิ) จึงทำให้คนที่ยืนอยู่ใต้หลังคาป้ายรถเมย์เปียกโชกขนาดนั้น และที่ไปยืนอยู่บนเก้าอี้ก็อาจเป็นเพราะตรงนั้นกำบังฝนได้บ้างเลยทำให้คนหลายคนต้องขึ้นไปยืนอยู่บนนั้น(ฉันคาดการณ์นะ55) จากภาพเหตุการณ์นั้นทำให้ฉันครุ่นคิดว่าทำไมเราในฐานะคนหนึ่งที่จ่ายเงินภาษีอากรให้ประเทศ กับแค่เรื่องเล็กๆขนาดนี้ไม่มีใครลงมาแก้ไขอะไรบ้าง ปัญหานี้อาจไม่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนที่มีรถประจำตัว แต่มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนที่โดยสารรถสาธารณะอย่างฉันเอามากๆ ปัญหาแบบพื้นๆสามัญๆแบบคนไม่ค่อยมีกะตังค์ซื้อรถขับอย่างฉันนี้แหละ ฉันอยากให้คนในรัฐบาลมองและแก้ไขจุดเล็กๆ นี้ก่อน ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย